วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ลวดลายของผ้ากะเหรี่ยง
ลายผ้าทอแบบธรรมดา
ที่มา : (นางสาว อรพินท์ ผาอ่าง,2556)
-การทอธรรมดาหรือทอพื้น เป็นการทอลายขัดมีโครงสร้างหลัก โดยการสอดด้ายขวางเข้าไประหว่างด้ายยืนสลับขึ้น 1 ลง 1 หรือขึ้น 2 ลง 2 ตามจำนวนเส้นด้ายที่เรียงไว้ขณะขึ้นเครื่องทอ ผ้าที่ได้จะมีสีเดียวตลอดทั้งผืน ผ้าเรียบสม่ำเสมอ เป็นวิธีการทอขั้นพื้นฐานใช้สำหรับทอเย็บชุดเด็กหญิง เสื้อผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ย่ามกะเหรี่ยง การทอธรรมดาแบบด้ายยืนและด้ายพุ่ง จะมีจำนวนเท่ากันทั้งผืน
-การทอลายสลับสี เป็นการทอแบบธรรมดา คือ ใช้เส้นด้ายยืนและเส้นด้ายพุ่งตามปกติ แต่แทรกด้ายสีต่างๆ สลับกันเข้าไป ขณะเรียงเส้นด้ายยืน ส่วนการทอลายมัดหมี่จะใช้ด้ายที่ย้อมติดสีบางส่วนเป็นด้ายยืนก่อนขึ้นเครื่องทอ ใช้วิธีการทอเหมือนการทอผ้าพื้นลายมัดหมี่เป็นลายที่ทอเป็นตัวซิ่น
ลายผ้าทอแบบลายจก
ที่มา : (นางสาว อรพินท์ ผาอ่าง,2556)
-การทอลายจกหรือลายแกะดอก เป็นวิธีการทอลวดลายที่มีเทคนิคการทอ ยากที่สุด ซึ่งมีเส้นพุ่งพิเศษที่สร้างลาดลายควบคู่กันไปขณะที่ทอ ด้วยการใช้นิ้วล้วงเข้าไปในด้ายยืน แล้วเอาด้ายสีต่างๆ แทรกเข้าไปขณะที่ทอสลับกับการสอดด้ายพุ่ง เมื่อทอเป็นผืนแล้ว ด้ายที่แทรกเข้าไปนั้น จะปรากฏเป็นลวดลายนูนบนผืนผ้าทั้งผืนไม่เหมือนกัน การทอลายนี้จะเห็นได้จากตีนซิ่น แต่ละลวดลายมีวิธีการแกะดอกแตกต่างกันออกไป
ขั้นตอนการทำ
1. การเตรียมเครื่องทอผ้า ก่อนที่จะทอผ้าจะต้องมีการเตรียมเครื่องทอผ้าตั้งแต่การปั่นด้าย การกรอด้าย
การตั้งเครื่องทอผ้า การขึ้นด้าย มีขั้นตอนการทำดังนี้
1.1 การปั่นด้าย อุปกรณ์ในการปั่นด้ายผ้าทอกะเหรี่ยง ประกอบด้วย หลอดกรอด้าย
และเครื่องมือกรอด้าย หลอดกรอด้าย
เดิมชาวกะเหรี่ยงใช้วิธีม้วนด้ายด้วยมือให้เป็นก้อน ปัจจุบันใช้ท่อพลาสติกแทน
มีความยาวขนาด 10 เซนติเมตร
เครื่องปั่นด้าย
ที่มา : (นางสาว อรพินท์ ผาอ่าง,2556)
1.2 การกรอด้ายขวาง ด้ายขวางเป็นด้ายที่สอดเข้าไประหว่างด้ายยืน ทำให้เกิดลวดลายต่างๆเรียกว่า
ลุงทุ้ย ใช้ด้ายพันกับไม้ ขนาดยาวประมาณ 1 ฟุตเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร
1.3 ตั้งไม้เครื่องทอกี่เอว หลังจากปั่นด้ายเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำด้ายมาขึ้นด้าย
1.4 การขึ้นด้าย หรือการขึ้นเครื่องทอกี่เอว
เป็นการนำเอาเส้นด้ายมาเรียงต่อกันอย่างมีระเบียบตามแนวนอน
โดยพันรอบกับส่วนประกอบของเครื่องทอ
และก่อนที่จะมีการขึ้นด้ายจะต้องมีการเตรียมเส้นด้ายด้วยการปั่นด้าย
การตั้งเครื่องทอ การเรียงเส้นด้าย การเปลี่ยนไม้เป็นเครื่องทอ
2. การทอผ้า มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
2.1. เริ่มต้นคล้องด้ายลงที่หลักที่ 1 สาวเส้นด้ายผ่านหลักที่ 2,3,4,5,6,7 นำไปคล้องที่หลักที่ 8 และสาวมาคล้องที่หลักที่ 1
2.2.
ดึงด้ายทั้งหมดให้ตึงเสมอกัน นำมาพันรอบหลักที่ 2
2.3. ดึงด้ายให้ตึงเสมอกันพาดผ่านด้านหน้าของไม้หลักที่ 3 ถึงไม้หลักที่ 4
เป็นจุดแยกด้าย
โดยใช้ด้ายสีขาวอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเส้นด้ายตะกอสอดเข้าไประหว่างเส้นด้ายเป็น 2
ส่วนเท่าๆกัน ส่วนที่ไม่ได้คล้องกับตะกอแยกเส้นด้ายผ่านหลังหลักที่ 4
และส่วนที่คล้องตะกอ ดึงเส้นด้ายผ่านด้านหน้าหลักที่ 4
2.4. รวบด้ายทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันให้ตึง พาดผ่านหลักที่ 5,6 พันอ้อมหลักที่ 7
2.5.
ดึงด้ายทั้งหมดให้ตึงพร้อมอ้อมหลักที่ 8 และสาวให้ตึง ดึงกลับมาเริ่มต้นที่หลักที่
1 ใหม่
2.6. สอดไม้ทั้งหมดออกจากเครื่องทอ และนำไม้ไบ่ 1 อัน
สอดเข้าไปแทนไม้ใส่ตะกอที่ 1 นำไม้ไบ่ 2 อันเข้าสอดเปลี่ยนไม้ใส่ตะกอที่ 2
และไม้ใส่ตะกอที่ 3 ซึ่งต้องใช้ช่วยแยกด้ายเวลาทอแกะดอก ส่วนไม้ไบ่ที่ 2 ใส่กระบอกไม้ไผ่แทน
1 อัน
อุปกรณ์/วัสดุในการทอผ้ากะเหรี่ยง
ที่มา : (นางสาว อรพินท์ ผาอ่าง , 2556)
2.ไม้พันผ้า (เค่อไถ่ย) คือ
ไม้รั้งผ้าสำหรับรั้งและพันผ้าที่ทอแล้ว
3.ไม้กระทบ (เน่ยบะ) คือ
ไม้กระทบผ้า ทำจากไม้มะเกลือ ยาวประมาณ 70 เซนติเมตร
4.ไม้แยกด้าย (กงคู๊) ไม้แยกด้าย
ทำจากไม้ไผ่ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร
5.ไม้ไบ่หรือว้าบัง
เพื่อแบ่งเส้นด้ายยืน
6.ทะคู่เถิง คือ ไม้ไผ่เจาะรูทั้ง 2 ข้างสำหรับยึดเครื่องทอ
7.เส่ยถึง คือ ไม้ใส่ด้าย ทำจากไม้กลมหนาประมาณ
1 นิ้ว
8.ลุงทุ้ย คือ
ไม้ม้วนด้ายพุ่งใช้สำหรับสอดด้ายพุ่ง
9.คองญ่ายฆ่อง คือ
ไม้สำหรับยืนเท้าสำหรับควบคุมให้ด้ายยืนตึง หรือย่อนในระหว่างทอ
ความสำคัญของผ้ากะเหรี่ยง
ผ้าทอกะเหรี่ยงมีความสำคัญและมีคุณค่าต่อสังคม
เป็นมรดกภูมิปัญญาทางศิลปะพื้นบ้านชาวไทยกะเหรี่ยงที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและอารยธรรมของกลุ่มชนและท้องถิ่น
ซึ่งผ้าทอกะเหรี่ยงกับการแต่งกายจะบ่งบอกสถานภาพทางสังคม
แสดงให้เห็นคุณวุฒิทางจริยธรรมและการควบคุมความประพฤติของผู้สวมใส่ควบคู่กับความสวยงามของลวดลาย
ปัจจุบันได้มีการส่งเสริมให้นำผ้ามาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น
การนำมาใช้ในการสืบสานประเพณีกินข้าวห่อ การส่งเสริมให้พัฒนาเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้
และการส่งเสริมให้เกิดการสืบทอดความรู้ให้อยู่กับชุมชน
สภาวการณ์ปัจจุบัน
ผ้าทอกะเหรี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม คือ
การขาดแคลนช่างทอผ้ากะเหรี่ยงรุ่นใหม่ เพราะผู้ทอส่วนใหญ่มักจะเป็นสตรีสูงอายุเริ่มมีจำนวนลดน้อยถอยลง
ทำให้ขาดช่วงการสืบทอดความรู้ การหมดความนิยมในการใช้
และกลายเป็นแค่สัญลักษณ์ของคนกะเหรี่ยงการขาดความต่อเนื่องและขาดความริเริ่มสร้างสรรค์ในการพัฒนาผ้าทอ
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการอนุรักษ์ภูมิปัญญาผ้าทอกะเหรี่ยงและหาทางป้องกันมิให้เสื่อมสูญ
เพราะผ้าทอกะเหรี่ยงมีคุณค่าในวัฒนธรรมประเพณี
มีคุณค่าความงามที่แสดงลักษณะเฉพาะท้องถิ่น มีภูมิปัญญาการสร้างสรรค์
และมีคุณค่าในทางเศรษฐกิจที่จะส่งเสริมการสร้างอาชีพในท้องถิ่น
จึงนับว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรรักษาไว้และให้คงอยู่กับลูกหลานชาวกะเหรี่ยงต่อไป
ความเป็นมาของผ้าทอกะเหรี่ยง
ผ้าทอกะเหรี่ยงจัดเป็นงานช่างฝีมือประเภทผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้า
ที่นิยมทำกันมานานและในชุมชนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงแทบทุกบ้านถือเป็นศิลปะพื้นบ้านชนิดหนึ่ง
โดยจะทอด้วยเครื่องทอผ้าแบบกี่เอวจะมีลักษณะพิเศษสามารถเคลื่อนย้ายไปทอในที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ว่าการทอผ้ามีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายและได้สืบทอดต่อมา
กี่ทอผ้าในยุคก่อนทำจากไม้สัก เพราะเป็นไม้เนื้ออ่อนผ่าตัดแต่งเป็นรูปทรงง่าย
ส่วนลวดลายที่ทอนั้นก็มีเพียงไม่กี่ลาย เช่น ลายเมล็ดฟักทอง ลายดอกพริก ลายแมงมุม
และลายหัวเต่า ซึ่งลวดลายได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังนิยมใช้ลูกเดือยปักตกแต่งบนผืนผ้าอย่างสวยงาม
สำหรับวัตถุดิบหลักที่นำมาใช้การทอผ้า คือ ฝ้าย
เพราะดูดความชื้นได้ง่ายผู้สวมใส่จะรู้สึกเย็นสบายเหมาะกับอากาศเมืองร้อน
อีกทั้งยังปลูกได้ทั่วไป
นับเป็นเอกลักษณ์ด้วยผ้าทอพื้นเมืองชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงอย่างแท้จริง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)